คุณเชื่อในโชคชะตามั้ย?
ตั้งแต่เด็กๆ เรามักจะถูกผู้ใหญ่ตีกรอบไม่ว่าจะทำสิ่งใดๆอยู่เสมอ ผู้ใหญ่มักจะให้เหตุผลที่ห้ามเราทำสิ่งต่างๆว่ามันดีต่อตัวเราแล้ว แบบนี้คือดีต่อเราที่สุดแล้ว…
เราคือเด็กคนนึงที่เติบโตมาเช่นนั้น ด้วยฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างอัตคัต ทำให้เราเข้าไม่ถึงโอกาสหลายๆอย่าง แต่นั้นก็ไม่ทำให้เรายอมจำนนต่อโชคชะตาได้เท่ากับ “การห้ามปราบของพ่อแม่”
เป็นเด็กดื้อดีๆนี่เอง…
เราขี้สงสัย ชอบตั้งคำถาม บางทีก็ถามเองตอบเอง เราถามแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ขวบกับปีต่างกันยังไง เราพูดได้เรื่อยๆไม่เหน็ดเหนื่อย เราคือเจ้าหนูจำไมที่ถามไม่หยุดสักที
แน่นอนว่าเราก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดาว่าทำไมสิ่งต่างๆเราถึงซื้อไม่ได้ ทำไมเพื่อนมี ทำไมเราไม่มี รวมถึงทำไมสิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามที่เราคิด จนกระทั่งจุดเปลี่ยนในชีวิตมาถึง
สมัยมัธยม เราถูกรุมบูลลี่จนคิดสั้น…
นี่คือจุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต ที่เค้าบอกว่าฟ้าหลังฝนสดใสเสมอก็เป็นเรื่องจริงสำหรับเรา อะไรที่เคยใหญ่ก็เล็กลง ความเชื่อในโชคชะตาของเราก็ค่อยๆหายไป เราถือคติอย่างแน่วแน่ว่า
“ชีวิตเป็นของเราไม่ใช่โชคชะตา อย่าปล่อยให้ใครมากำหนด จงลิขิตชีวิตของตัวเอง”
พื้นฐานทางบ้านเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้เราถูกรุมบูลลี่โดยที่ไม่มีครูคนไหนยื่นมือช่วยเหลือ กลับกันเหล่าคนที่บูลลี่เรากลับได้รับความช่วยเหลือจากครูหลายท่าน
เราจึงเกลียดระบบอุปถัมภ์ และเข้าใจในทันทีว่าครูไม่ได้สูงส่ง ก็คนธรรมดาที่เลือกปฏิบัติเหมือนคนทั่วๆไป
เราทำคลิปเรื่องนี้ไว้ เพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์และระบายความในใจที่ถูกกดทับไว้จากการถูกบูลลี่ คำเตือน: มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง การใช้อาวุธ และการทำร้ายตัวเอง
ตั้งแต่นั้นมาเราเกิด passion หลายอย่าง ชีวิตเริ่มมีเป้าหมาย ดิ้นรนทุกทางเพื่อจะได้เลิกอัตคัดสักที
บางอย่างก็เหมือนเทียน เป่าปู้ดเดียวก็ดับ บางอย่างก็เหมือน infinity stone ที่พลังงานไม่มีวันหมด
Blog นี้จะรวบรวมประสบการณ์ต่างๆ ทุกเรื่องที่เป็นตัวเรา ที่เราอยากพูด ที่เราอยากเล่า ที่เราอยากทำ รวมถึงเรื่องที่เราจำเป็นต้องทำ
หวังว่าทุกคนจะได้บางอย่างจาก Blog ของเรา และยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกสีแดงแกมน้ำตาลของ Jigapoo นะคะ
อยากจะบอกว่ารักทุกคนที่ช่วยกันฉุดเราออกจากสภาพนั้น มีเยอะกว่านี้ แต่บังเอิญรูปนี้เป็นรูปเดียวที่ถ่ายช่วงนั้น